ปัญหาคอดำ สามารถเกิดได้จากหลายๆสาเหตุ แต่สาเหตุหลักคือเกิดจากความสะอาด แต่ถ้าหากใครน้ำหนักตัวเยอะเกินมาตราฐานก็สามารถเกิดได้เช่นกัน วันนี้ gangbeauty จึงมาแนะนำ วิธีที่จะช่วยให้คุณมั่นใจกล้าเผยต้นคอกันค่ะ !!
1. ลดน้ำหนัก สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก จะส่งผลทำให้บริเวณคอมีเนื้อเยอะมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดการเสียดสีได้ง่ายขึ้น และทำให้คอดำคล้ำในที่สุด ดังนั้นคุณควรแก้ปัญหานี้ที่ต้นเหตุด้วยการออกกำลังกายลดน้ำหนัก เพราะเมื่อน้ำหนักตัวลดลงก็จะสามารถลดการเสียดสีที่เกิดขึ้นได้ ทำให้รอยหมองคล้ำบริเวณคอค่อยๆ จางหายไป เป็นวิธีที่เห็นผลแน่นอนที่สุด เพราะถ้าน้ำหนักลดลง ทุกอย่างก็จะขาวขึ้นเอง คอก็ไม่ดำคล้ำ แถมสุขภาพผิวยังดีขึ้นอีกด้วย
2. อาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยให้อาบอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และอาบให้สะอาดทั้งเช้าและก่อนเข้านอน
3. ขัดผิวอย่างสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง การขัดผิวบริเวณคอก็ช่วยทำให้รอยหมองคล้ำจางลงไปได้ เพราะจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว และค่อยๆ เผยเซลล์ผิวใหม่ที่ไร้ความหมองคล้ำ โดยให้คุณขัดผิวบริเวณลำคอด้วยนิ้วมือหรือใช้ใยบวบขัดเบาๆ ไปพร้อมๆ กับตอนฟอกสบู่ทุกครั้งตอนอาบน้ำ
4. สครับผิวจากธรรมชาติ นอกเหนือจากขัดผิวที่ควรทำตอนอาบน้ำแล้ว หากมีเวลาว่างคุณอาจจะเลือกใช้เกลือขัดผิวหรือเจลกำจัดคราบขี้ไคลที่ทำหน้าที่กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยให้ขัดไปเรื่อยๆ ขัดเบาๆ (อย่าขัดแรงเพราะจะทำให้ผิวดำขึ้น) หรือคุณอาจลองใช้สครับจากธรรมชาติดูก็ได้ เช่น
-มะขามเปียก การใช้มะขามเปียกที่มีสารเอเอชเอตามธรรมชาติที่จะช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น โดยนำเอาเนื้อมะขามเปียกมาขัดนวดบริเวณลำคออาทิตย์ละครั้ง
-มะขามเปียก+โยเกิร์ต+น้ำผึ้ง+เกลือ ให้ใช้มะขามเปียกมาแช่ไว้ในโยเกิร์ตให้มะขามละลายแล้วคั้นเอากากมะขามออก ผสมน้ำผึ้งลงไป เอาเกลือใส่ลงไปคนๆ แล้วนำมาขัดผิว
-มะนาว ใช้เปลือกมะนาวบีบน้ำออกมาขัดถูเบาๆ
-มะเขือเทศ+น้ำตาล ให้ใช้มะเขือเทศหั่นเป็นแว่นๆ ชุบลงไปในน้ำตาล แล้วขัดผิววนเป็นวงกลม โดยให้ทำไม่เกินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ยังไงว่างๆ ก็ลองไปทำดูนะ
-สูตรน้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนโต๊ะ และไข่ขาว 1 ฟอง นำมาผสมกันใช้พอกบริเวณคอ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น โดยให้ทำประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
5. เบบี้ออยล์ (Johnson”s baby oil) ให้นำเบบี้ออยล์มาหยดใส่สำลีแบบแผ่น แล้วเช็ดถูทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือคุณอาจจะเลือกใช้น้ำมันมะกอกหรือโทนเนอร์แทนอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
6. น้ำมันมะกอก แค่เพียงคุณนำน้ำมันมะกอกมาหยดทาให้ทั่วบริเวณลำคอทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วใช้ผ้าหรือสำลีค่อยๆ เช็ดออกๆ ก็จะช่วยลดรอยดำที่คอลงได้ แถมยังเป็นช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย (ถ้าเช็ดถูแล้วสำลีไม่มีรอยดำออกมาให้เห็นเลย แสดงว่าอาจเป็นเพราะน้ำตาลในเลือดสูง (โรคผิวหนังช้าง) แต้ถ้าเช็ดแล้วสำลีมีรอยดำ แปลว่าคอดำมีสาเหตุมาจากขี้ไคล หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้)
7. โทนเนอร์ วิธีนี้ให้คุณใช้โทนเนอร์สำหรับล้างหน้าหรือเครื่องสำอางนี่แหละ นำมาทาบริเวณลำคอเป็นประจำ แล้วใช้สำลีค่อยๆ เช็ดถูไปเรื่อยๆ วิตามินต่างๆ ที่มีอยู่ในโทนเนอร์ก็จะช่วยปรับสีผิวที่คล้ำให้ดูขาวขึ้น และช่วยให้รอยดำจางลงได้
8. ทาครีมบำรุงเป็นประจำ หรือ ครีมแก้คอดำ การใช้ครีมบำรุงผิวทาให้ทั่วบริเวณคออยู่เสมอเพื่อลดการเสียดสีที่เป็นต้นเหตุทำให้คอดำ
9. หลีกเลี่ยงแสงแดด หากต้องตากแดดเป็นประจำนอกจากการทาครีมแล้วคุณควรทาครีมกันแดดป้องกันไว้ด้วย
10. เลิกใส่สร้อยคอ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใส่นะครับ เพราะมันก็มีส่วนทำให้คอดำลงได้เช่นกัน
11. โรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) สำหรับผู้ที่คอดำ โดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากขี้ไคล ขัดเท่าไรก็ขัดไม่ออก คุณอาจเป็นโรคผิวหนังช้างก็ได้ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคผิวหนังที่มีลักษณะผิวคล้ำ หนา และมีลักษณะเหมือนกำมะหยี่ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ โดยมักจะเกิดในผู้ที่มีอินซูลินในร่างกายมาก หรือในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีอินซูลินมากจนทำให้มีการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังมีการเจริญมาก หากคุณเป็นโรคนี้ก็ควรจะปรับอาหารโดยการลดน้ำตาลและแป้ง และลดน้ำหนักให้ได้ แล้วภาวะ insulin resistance หมดไป รอยดำจะค่อยๆ หายไปเองโดยไม่ต้องไปขัดผิวเลย
12. คอดำระหว่างตั้งครรภ์ คุณมีปัญหานี้อยู่หรือไม่ ถ้าใช่ปัญหานี้อาจเป็นเพราะว่าฮอร์โมนในระหว่างการตั้งครรภ์เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ร่างกายของคุณแม่แต่ละคนมีการตอบสนองกับร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลให้ผิวของคุณแม่บางรายเกิดการเปลี่ยนแปลง คือ มีรอยดำคล้ำหรือมีสีเข้มขึ้นตามต้นคอ ข้อพับ รักแร้ ขาหนีบ และหัวนม ซึ่งรอยดำคล้ำต่างๆ นั้น ปกติแล้วจะหายไปเองภายหลังการคลอดบุตร ดังนั้นคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลใจ ไม่ต้องไปขัดหรือถูแต่อย่างใด เพราะมันอาจจะเป็นรอยทิ้งเอาไว้ และไม่ต้องหาซื้อยามาทาแต่อย่างใด เพราะยาบางตัวอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ควรอดทนรอ ปล่อยไว้ไปตามธรรมชาติ และเมื่อเวลาผ่านไปความดำคล้ำก็ค่อยๆ จางลง จนกลับมาสู่ปกติเอง