1. Benzac
ครีมแต้มสิว Benzac Benzoyl Peroxide จะมี 2.5% และ 5% ฉะนั้นสำหรับใครที่ผิวบอบบาง แพ้ง่ายหรือผิวแห้งก็ให้เริ่มใช้จาก 2.5% ก่อน ที่สำคัญครีมแต้มสิวตัวนี้ต้องแต้มแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เนื่องจากครีมมีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างแรง Benzac หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป หรือ Watson, Boots ก็มีเช่นกัน ส่วนราคาจำหน่ายจะอยู่ขึ้นกับ ความเข้มข้นและขนาดผลิตภัณฑ์
2. Clinda M
สำหรับ Clinda M นั้นจะไม่ใช่ลักษณะของครีม แต่จะมาในรูปแบบของน้ำใสๆ ที่ทาไปแล้วจะให้ความรู้สึกแสบเล็กน้อย และ Clinda M ก็มักจะเป็นยาแต้มสิวที่แพทย์ผิวหนังส่วนใหญ่ แนะนำให้สำหรับคนเป็นสิวใช้อยู่บ่อยๆ เพราะว่ามันมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อและละลายหัวสิวนั่นเอง ส่วนราคาขายจะอยู่ที่ 69 บาท หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไปและ 7-11
3. Retin A
Retin A เป็นครีมแต้มสิวที่มีส่วนประกอบของ Tretinoin ซึ่งเป็นการสกัดมาจากกรดวิตามินเอ มีประสิทธิภาพช่วยรักษาและลดสิวอุดตันได้อย่างดี แต่ครีมตัวนี้จะมีความแรงอยู่ ฉะนั้นจึงควรทาบางๆ เท่านั้น ในส่วนของราคาก็จะขึ้นอยู่กับขนาดผลิตภัณฑ์และความเข้มข้นเช่นเดียวกันกับ Benzac นั่นเอง ซึ่ง Retin A สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาชั้นนำ, Watson และ Boots
4. Mederma
สำหรับ Mederma เป็นครีมที่ใช้เพื่อรักษารอยแผลเป็นและรอยดำจากสิว มีคุณสมบัติทำให้รอยแผลเป็นปรับสีอ่อนลงจนกลมกลืนกับสีผิว ลักษณะของเนื้อเจลจะมีสีใส กลิ่นไม่แรง ทาแล้วไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ที่สำคัญ Mederma ยังประกอบไปด้วยตัวยาสำคัญคือ Cepalin (สารจากหัวหอม) ที่ช่วยยับยั้งขการอักเสบ และสาร Allantoin ที่ให้ความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการคัน ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ตามร้านขายยาทั่วไป ทั้งนี้ราคาจะแล้วแต่จุดจำหน่าย
5. Scagel
Scagel ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์รักษาสิว ที่มีเนื้อเป็นลักษณะเจลใส ซึ่งความรู้สึกเมื่อทาเจ้าตัวนี้จะให้ความรู้สึกที่ซึมได้ไว และผลลัพธ์หลังจากใช้ก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากรอยดำรอยแดงดูจางลง รู้สึกผิวเนียนขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ใจร้อนอยากหน้าใสเร็วๆ เท่าไหร่ แต่ถ้าใครเน้นความปลอดภัย และใช้ได้เรื่อยๆ Scagel ตัวนี้ก็เข้าท่าอยู่เหมือนกัน ราคาสบายกระเป๋าอยู่ที่ราวๆ 150 บาทขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับร้าน) ส่วนมากจะมีขายในร้านขายยา
6. Hiruscar Postacne
สำหรับ Hiruscar Postacne จะเป็นครีมแต้มสิวที่มีส่วนช่วยในการลบรอยดำจากสิว เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Allium Cepa สารจากหัวหอมที่มาช่วยจัดการ รอยดำจากสิวให้อยู่หมัด Hiruscar ตัวนี้จึงต่างจากครีมสิวตัวอื่น ตรงที่มันเหมาะสำหรับใช้ทา เพื่อลดรอยแผลเป็นจากสิวโดยเฉพาะนั่นเอง โดยมีราคาขายอยู่ที่ 95 บาท (ขนาด 2 กรัม) และสามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา
7. Smooth E Acne Hydrogel
Smooth E Acne Hydrogel สูตร Maximum Strength เป็นเจลแต้มสิวที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถาบัน Spin Control Asia แล้วว่าอ่อนโยนแม้ผิวบองบางแพ้ง่าย ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยขจัดทั้งแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว ช่วยบรรเทาการอักเสบของสิว และช่วยขจัดความมัน สิวอุดตันตามรูขุมขน ครีมแต้มสิวตัวนี้สามารถทาทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออกได้ ราคาขึ้นอยู่กับร้านที่จำหน่าย
8. TOMEI
ยกให้เป็น The Best ครีมรักษาสิวเลยสำหรับ TOMEI ที่ผู้เขียนก็ได้ลองใช้แล้วกับตัวเอง ซึ่งอยากจะบอกว่าผลลัพธ์ของมันไม่เกินคำโฆษณาเลย เพราะว่าทาแล้วสิบยุบลงจริง ส่วนในเรื่องของการลดรอยดำที่เกิดจากสิวนั้น แน่นอนว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็ดีหลังจากนี้บอกเลยว่า ครีมแต้มสิวตัวนี้ได้กลายเป็นไอเท็มเด็ดในใจผู้เขียนเองไปแล้ว แถมราคาก็น่าคบหาสุดๆ เพียง 170 บาทเท่านั้น และยังหาซื้อง่ายอีกต่างหาก เพราะมีขายใน 7-11 ทุกสาขาเลย (รีบไปตำด่วน)
9. Jula Herb Marigold Acne Gel
เจลแต้มสิวดอกดาวเรืองจาก Jula Herb ถือเป็นอีกหนึ่งเจลรักษาสิวตัวเด็ด ที่มีรีวิวอยู่มากมายในโลกอินเทอร์เน็ต เพราะเนื่องจากหาซื้อได้ง่ายจาก 7-11 มีราคาไม่แพงเพียง 39 บาท (ในรูปแบบซอง) และนอกจากนี้แล้วที่เจ้าเจลดาวเรืองขายดีจนเป็นที่นิยม ก็เพราะว่ามันมีสารสกัดจากผลไม้ ที่เป็นส่วนช่วยในการต้านการเจริ ญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย พร้อมป้องกันการอักเสบของสิว และช่วยสมานรอยแผลอันเกิ ดจากการอักเสบของสิวด้วยนั่นเอง
คำเตือน : ควรแต้มบางๆ ทิ้งไว้ 15 เท่านั้นแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อย่าทิ้งไว้ทั้งคืนเด็ดขาด เพราะเจลมีความเข้มข้นสูงและมีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างแรงมาก
10. Pair Acne Cream W
Pair Acne Cream W เป็นครีมรักษาสิวจากประเทศญี่ปุ่น มีประสิทธิภาพในการทำให้สิวยุบเร็วขึ้น และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการลดอาการคันและอักเสบของผิวอีกด้วย ที่สำคัญคือมีเนื้อครีมสีขาว ที่เมื่อทาลงไปบนผิวแล้ว จะเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงจึงไม่ทำเกิดคราบหลังทานั่นเอง สามารถหาซื้อได้ในออนไลน์ ราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ราว 300 บาท