“แป้งฝุ่น” ถูกออกแบบมาให้อณูเล็กและละเอียดกว่าแป้งฝุ่นทาตัว หรือแป้งเด็ก ทำให้สามารถแทรกซึมไปกับบริเวณริ้วรอยหรือร่องลึกต่างๆได้ดีกว่า และไม่อุดตันรูขุมขนอีกด้วย สำหรับการใช้งานของแป้งฝุ่น เหมาะสำหรับการนำมาเซ็ทตัวรองพื้น หรือเมคอัพเบส เพราะโดยส่วนมากรองพื้นหรือเมคอัพเบสเหล่านี้จะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ เมื่อทาลงไปบนผิวก็จะทำให้หลงเหลือความมันอยู่บนใบหน้า แป้งฝุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยดูดซับความมันจากรองพื้นอีกด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันแป้งฝุ่นได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน เพราะบางคนอาจจะระคายเคืองกับละอองของแป้งฝุ่นที่ฟุ้งในอากาศ ที่เรียกว่า “แป้งฝุ่นอัดแข็ง” ซึ่งดูภายนอกอาจจะไม่แตกต่างจากแป้งผสมรองพื้น แต่แป้งฝุ่นอัดแข็งนั้น ไม่มีส่วนผสมของรองพื้น จึงทำให้สามารถนำมาเซ็ทตัวรองพื้นได้โดยไม่เพิ่มชั้นความหนาของการแต่งหน้ามากนัก อีกทั้งยังอยู่ในรูปแบบของแป้งอัดแข็ง จึงสะดวกกับการนำมาเติมระหว่างวันมากกว่าแป้งฝุ่นปกติอีกด้วย
วันนี้เราเลยนำรีวิวจาก คุณ Belladonna_Jangjy ที่ได้รีวิวแป้งฝุ่นที่ตัวเองใช้มาให้ชมกันไปดูกันเลยค่า
เป็นแป้งตัวแรกฝุ่นตัวแรกๆที่ทดลองใช้เมื่อเริ่มแต่งหน้า สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 249-299 บาท (10 g) ตามแต่ร้าน เนื้อแป้งสีขาว พัฟสีม่วงตามตลับ (นุ่มมาก)
ข้อดี : คุมมันพอใช้ได้ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง (แบบแต่งหน้าจากบ้าน ขึ้นรถเมล์มาทำงาน สภาพแวดล้อมแอร์บ้าง ไม่แอร์บ้าง) ตลับเล็กพกพาง่าย ไม่ฟุ้ง ไม่เลอะ ไม่เป็นฝุ่นมากจนเดินไป
ข้อเสีย : เนื้อแป้งสีขาว เวลาลงต้องค่อยๆลง ลงหนักมือมากๆจะวอก แล้วจะต้องปัดออก (เสียดายของ) ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับเบสสีเขียวจะยิ่งวอก และราคาค่อนข้างแพงไปนิด
(รูปจาก google กระปุกจริงเขวี้ยงทิ้งไปแล้ว)
2. แป้ง Ben Nye Buff
จริงๆแล้ว แป้ง Ben Nye มีหลานรุ่นมาก แต่รุ่นนี้เคยรีวิวแล้วเค้าบอกว่ามันลงไว้เซตรองพื้นก็ได้ หรือลงเป็น finishing หลังแต่งหน้าก็ได้ เลยสอยมา ตัวนี้เท่าที่ทราบยังไม่มีขายในเมืองไทย ต้อง pre-order เอา สนนราคาอยู่ที่ ประมาณ 600-700 บาท
ข้อดี : ปริมาณเยอะ ใช้ได้นาน มีคนเค้าบอกว่ามันเป็นตัวตายตัวแทนของ Laura Mercier แต่เท่าที่ลองใช้ เราว่าของ Laura เนื้อแป้งละเอียดกว่า ตัวนี้แป้งเป็นสีเนื้อ ทาเดี่ยวๆก็ได้สำหรับคนที่หนังหน้าดีอยู่แล้วและไม่ต้องการการปกปิดมาก หรืออยากแต่งหน้าแบบสบายๆ ปกปิดดี ไม่เปลี่ยนสีเครื่องสำอาง และสีไม่ดร็อประหว่างวัน คุมมันได้นานกว่าแแป้งศรีจันทร์เล็กน้อยอย่างไม่มีนัยสำคัญ เนื้อแป้งไม่ฟุ้งมาก กระปุกนึงใช้ได้นานอยู่
ข้อเสีย : หาซื้อยาก ต้อง pre-order เท่านั้น มาเป็นกระปุกและไม่มีพัฟมาให้ เวลาจะใช้ต้องมาหาตลับเทใส่ หาพัฟมาใส่เอาเอง
3. แป้ง Beauty Credit (แป้งม้าโยก)
นางมีชื่อเต็มๆว่า Beauty Credit-lovely face powder นี่ซื้อมาเป็นกระปุกที่ 3 สนนราคา pre-order อยู่ที่ 200+ ไม่เกิน 300 บาท (ในปริมาณที่เยอะมาก 29 g) คุ้มมาก เป็นตัวที่ใช้ทุกวัน เพราะมันเยอะ
ข้อดี : ถูก คุ้ม ใช้ได้นาน คุมมันได้ประมาณศรีจันทร์ คือ 6-8 ชั่วโมงสำหรับเรา มีพัฟมาให้ในกระปุก พัฟก็ดีงามอยู่ เหมาะแก่การใช้ทุกวันเพราะมันถูกกกกกก…
ข้อเสีย : กระปุกใหญ่ พกพายาก เหมาะแก่การแต่งหน้าจากบ้าน only !!! เนื้อแป้งมีความฟุ้งกระจาย ถ้าปิดฝาแล้วคว่ำหรือเขย่ามันจะหกออกมาเลอะเทอะมาก ไม่เหมาะแก่การพกพาเป็นอย่างยิ่ง ปกปิดสู้ Ben Nye ไม่ได้ ไม่เหมาะกับวันที่ต้องการความกริบ ความเนี้ยบ บ่ายๆมีเยิ้มบ้างต้องซับ แต่ซับแล้วก็โอเค
ทั้งหมดทั้งมวล ถ้าเทียบกับความถูกและปริมาณของมันก็พอถูๆไถๆไปได้
tip : เราใช้เบอร์ 23 มันจะมีอีกเบอร์คือเบอร์ 21 ซึ่งขาวกว่า พวกแป้งเกาหลีนี่เราว่าถ้าคุณไม่ใช่คนที่หน้าขาวจั๊วะๆ แบบสาวเกาหลี เวลาเลือกกรุณา”อย่า”เลือกเบอร์ขาวสุด ให้เลือกเบอร์ที่เป็นของผิวสองสี ไม่งั้นมันจะวอก และแป้งเกาหลี (Etudy Skinfood เกรดนี้) ต่อให้เป็นแป้งที่ผสมรองพื้นมาแล้ว เราว่ามันก็ไม่ค่อยได้ปกปิดอะไรเลย เหมือนเค้าเน้นเผยผิวสวยธรรมชาติแบบสาวเกาหลี ในขณะที่หลังหน้ากุคือเยินมาก …
4. 4U2 Translucent Loose Powder
อันนี้ฝากน้องซื้อที่ Watson ตอนมันมีโปร สนนราคาประมาณ 400 (10 g) ข้างในมีพัฟมาให้ เป็นแป้งฝุ่นโปร่งแสง มีอยู่สีเดียว ทาแล้วกลืนไปกับหน้า
ข้อดี : ตลับเล็กพกพาง่าย คุมมันได้ดี ปกปิดดี ไม่ฟุ้งกระจาย ใช้เดี่ยวๆได้ในวันที่ต้องการลุคธรรมชาติ มีความใกล้เคียงแป้ง Laura Mercier มากกว่า Ben Nye Buff ในความรู้สึกของเรา
ข้อเสีย : แพงถ้าเทียบกับปริมาณ สีเนื้ออ่อนๆ ถ้าลงไม่ดีอาจจะวอก Ben Nye จะสีเข้มกว่านิดนึงจึงลงง่ายกว่า
5. แป้ง Laura Mercier Loose Setting Powder TRANSLUCENT
Beauty Blogger หลายๆคนเคลมว่านางเริ่ด ถามว่าเริ่ดมั้ย ก็เริ่ดสมกะราคา เพราะสนนราคาค่าตัวของนาง คือ 1000+ (ถ้าไม่มีโปรโมชั่น) เป็นแป้งที่เราซื้อมาตอนแต่งหน้ารับปริญญาและจะใช้ก็ต่อเมื่อต้องไปงานสำคัญๆที่ต้องการความเนี้ยบจริงๆ เพราะมันแพงค่อดๆ ตัวนี้เป็นแป้งที่เราก็ยอมรับบว่ามันก็ดีสมราคา แต่งตอนวันรับปริญญาก็ดีงามมากจริงๆ เอาเป็นว่าซื้อมาแล้วไม่เสียดายเงินอ่ะ
แต่ตัวนี้เวลาที่เราใช้คือ condition มันจะต่างจากตัวอื่นๆโดย ใช้คู่กะ Primer ของ Benefit รองพื่น Estee Lauder ขวดแก้ว และแป้ง Laura Mercier ตลับเหลี่ยม (ก็บอกแล้วว่าจะใช้เฉพาะวันที่ต้องการความเนี้ยบจริงๆ) เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่จะถมลงบนหน้าคือเนี้ยบหมด คุมมัน ปกปิดดีทุกตัว จึงไม่อาจบอกได้ว่า ถ้าอย่างอื่นบนหน้ามาแบบกากๆ แล้วมาใช้อิแป้งตัวนี้อย่างเดียวมันจะยังดีอยู่ไหม ??? แต่เอาเป็นว่า ตาม condition ที่กล่าวมา คือมันดี แต่งหน้ารับปริญญาตากแดด ตากลม อยู่ทนทั้งวัน เยิ้มยังไง มันแค่ไหน ถ่ายรูปมาก็ยังผ่อง เนี้ยบ กริบ ซับหน้าแล้วก็ไปต่อได้เลย ไม่ต้องเติม ตอนนั้นประมาณ 10 ชม. หลังแต่งหน้า กลับมาบ้านก็ยังผ่อง เป๊ะเวอร์อยู่ คือมันก็คือตัวท็อป สมราคามันอ่ะแหละ แม้สีจะอ่อนแต่อยู่บนหน้าแล้วมันผ่องแต่ไม่วอก
ข้อเสีย : แพงเรือหายยยยย ฟุ้งกระจายค่อดๆ อันอื่นฟุ้งกุโอเค แต่อีนี่ฟุ้งคือน้ำตาจิไหล เสียดาย… ตลับหนา พกพายาก
สำหรับเรามันคือแป้งที่ควรจะมีติดไว้ ใช้ในงานสำคัญ แต่มันราคาสูงเกินกว่าจะใช้ทุกวันๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา
ติดตามรีวิวเต็มได้ที่ : รีวิวแป้งฝุ่นทั้งหมดที่ใช้อยู่ตอนนี้