สวัสดีค่าาา สาวๆ ทุกคน~~ เป็นกันไหมคะ เวลาแต่งหน้าจัดหนักจัดเต็มมักจะรู้สึกว่าล้างหน้าไม่สะอาด โดยเฉพาะเวลาที่ต้องล้างเครื่องสำอางแบบกันน้ำที่แต่งทีไรก็ติดแน่นทนนานตลอดทั้งวัน ทำความสะอาดหลายรอบคราบเครื่องสำอางก็ยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า จึงทำให้หลายๆ คน ต้องเช็ดหน้าด้วยสำลีแรงขึ้น ผิวก็ยิ่งถูกทำร้ายหนักขึ้น อีกทั้งสิ่งสกปรกต่างๆ เมคอัพที่ตกค้างบนใบหน้าเหล่านั้นก็ส่งผลให้เกิดการอุดตัน จนอาจจะทำให้หน้าของสาวๆ พัง สิวเห่อ จนทำให้สาวๆ หลายคนรู้สึกแย่ เข็ดขยาดกับการแต่งหน้าไปเลยทีเดียว แต่วันนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะวันนี้ Gang Beauty มีเคล็ดลับการล้างหน้าชะล้างเครื่องสำอางกันน้ำให้สะอาดหมดจดมาฝากทุกคน แบบละเอียดทุกขั้นตอน ช่วยปกป้องและบำรุงผิวหน้าและขนตาไม่ให้ถูกทำร้าย หน้าสะอาดใสกิ๊กดังเดิม
Step 1 : เช็ดเมคอัพรอบดวงตาและลิปสติกให้ถูกวิธี
การเช็ดเครื่องสำอางที่ถูกต้อง คือการเช็ดเมคอัพรอบดวงตาออกก่อน แล้วค่อยไล่ไปเช็ดส่วนอื่นๆ เนื่องจากสารเคมีและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับเครื่องสำอาง อาจหลุดเข้าไปทำร้ายดวงตาของเราในขณะที่กำลังล้างหน้าได้ อีกทั้งผิวบริเวณรอบดวงตานั้นบอบบางดุจทารก ดังนั้นการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางที่อยู่รอบๆ ดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการทำความสะอาดใบหน้า โดยสาวๆ ควรล้างมาสคาร่าและอายแชโดว์ออกเสียก่อน แล้วจึงเช็ดลิปสติกออก ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. วิธีล้างมาสคาร่ากันน้ำ ที่ติดทนนานให้ออกได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องสูญเสียขนตาหรือตาแดงบวมช้ำจากการขยี้ แนะนำให้ใช้อาย รีมูฟเวอร์หรือน้ำมันมะพร้าวเทลงบนแผ่นสำลี แล้วโปะลงไปที่ขนตาทั้งสองข้างนาน 30 วินาที แล้วค่อยๆ เช็ดเอาเนื้อมาสคาร่าที่ติดขนตาอยู่ออก หรือใช้น้ำมันมะกอกที่สามารถทำลายคุณสมบัติกันน้ำของมาสคาร่าได้ หยดลงบนนิ้วมือเล็กน้อยแล้วลูบเบาๆ ที่ขนตาระหว่างหัวแม่มือนิ้วโป้งและนิ้วชี้ จากนั้นใช้คอตตอนบัดจุ่มคลีนซิ่งเช็ดเกลี่ยไปตามโคนขนตาที่ยังมีเศษมาสคาร่าติดอยู่ออกให้หมด เพียงเท่านี้มาสคาร่าก็จะหลุดออกอย่างง่ายดาย
2. เช็ดอายแชโดว์และลิปสติกโดยใช้ อาย เมคอัพ รีมูฟเวอร์ โดยสาวๆ ควรเลือกใช้สูตรที่สามารถล้างเครื่องสำอางกันน้ำได้อย่างอ่อนโยนและไม่ระคายเคืองต่อผิวบอบบางรอบดวงตา หรือสาวๆ จะเลือกใช้คลีนซิ่ง วอเตอร์ สูตรน้ำแร่ที่ช่วยถนอมผิวให้ชุ่มชื่นก็ได้เช่นกันค่ะ โดยขั้นตอนการเช็ดให้ใช้สำสีชนิดแผ่นที่ชุ่มไปด้วยคลีนซิ่งโปะลงไปที่บริเวณเปลือกตา ทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลีนซิ่งละลายและดูดซับเครื่องสำอางออก แล้วค่อยๆ รูดแผ่นสำลีจากเปลือกตาลงมาตามแนวเส้นขนตาเบาๆ และห้ามขยี้เด็ดขาดนะคะเพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยและขนตาหลุดร่วงได้ จากนั้นกลับด้านแผ่นสำลีแผ่นเดิมโปะลงที่เปลือกตา แล้วเช็ดเครื่องสำอางออกซ้ำอีกรอบให้สะอาด เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ
3. ถึงแม้ว่าลิปสติกที่คุณสาวๆ ใช้จะติดทนนานยากต่อการเช็ดออก ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ตัวช่วยที่ดีที่สุดในนาทีนี้คือวาสลีน ง่ายๆ เพียงแค่ทาวาสลีนลงไปบนริมฝีปากทิ้งไว้ 3 นาที ในระหว่างนี้ให้เม้มริมฝีปากเป็นระยะๆ เพื่อช่วยให้เนื้อลิปสติกละลายหลุดออกมา จากนั้นก็ใช้แผ่นสำลีเช็ดทำความสะอาดลิปสติกออกให้หมด เท่านี้ก็เรียบร้อย แต่คุณสาวๆ ต้องไม่ลืมที่จะทาลิปบาล์มบำรุงหลังจากล้างทำความสะอาดหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยนะคะ เพื่อช่วยบำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื่นไม่แห้งแตกเป็นขุยค่ะ
Step 2 : เช็ดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าให้หมดก่อนล้างหน้า
เมื่อล้างเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาและปากเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปให้สาวๆ เช็ดเครื่องสำอางส่วนที่เหลืออยู่ตามส่วนต่างๆ บนใบหน้า โดยแนะนำให้ใช้คลีนซิ่ง เมคอัพ รีมูฟเวอร์ เช็ดทำความสะอาดแป้ง รองพื้น ชิมเมอร์ และครีมกันแดด ตั้งแต่หน้าผาก คิ้ว แก้ม จมูก คางและบริเวณลำคออย่างเบามือ ทั้งนี้คุณสาวๆ ควรเลือกใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตัวเองด้วยนะคะ อย่างเช่น คลีนซิ่งออยจะช่วยละลายเครื่องสำอางและดูดซับสิ่งสกปรกให้หลุดออกมา และช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง คลีนซิ่งมิลล์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว สำหรับผิวแพ้ง่ายควรใช้โลชั่นคลีนซิ่งที่อ่อนโยนต่อผิว เพียงแค่เช็ดเบาๆ เครื่องสำอางก็จะหลุดออกมาได้อย่างง่ายดายแล้วค่ะ
Step 3 : ล้างหน้าให้ใสสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
หลังจากเช็ดเครื่องสำอางออกแล้ว ก็อาจยังมีสิ่งตกค้างอยู่บนใบหน้าได้ ดังนั้นคุณสาวๆ จำเป็นต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดอีกครั้งด้วยโฟมล้างหน้าหรือสบู่ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นสูตรควบคุมความมัน ลดสิว สูตรสครับสิ่งสกปรกให้หลุดออกไป หรือจะเป็นสบู่น้ำนมข้าวหรือสบู่สกัดจากสมุนไพรก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมเลยทีเดียว
Step 4 : ปิดท้ายการล้างเครื่องสำอางกันน้ำด้วยการบำรุงผิว
ผิวหน้าของเราผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง ทั้งจากการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางกันน้ำ และการถูเช็ดทำความสะอาดหลายขั้นตอน จึงควรให้อาหารผิวด้วยการทาครีมบำรุงให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง หรือจะนอนมาสก์หน้าเพลินๆ สัก 15-20 นาที เพียงเท่านี้ผิวหน้าของคุณสาวๆ ก็จะกลับมาเนียนนุ่มแลดูผิวสุขภาพดีแล้วล่ะ