ปัญหาส้นเท้าแตก หรือด้านแข็ง ถือเป็นปัญหาที่สาวๆไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดนะคะ เพราะเท้าสวยก็ช่วยให้เรามีความมั่นใจในการใส่รองเท้า แม้รองเท้าส้นสูงถือเป็นปัญหาหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดส้นเท้าแตกได้ แต่ด้วยบุคลิคภาพแล้ว ก็ต้องทนเจ็บเท้ากันไป วันนี้ gangbeauty จึงได้มาแนะนำ วิธีที่ช่วยให้เท้าคุณกลับมาสวยได้อีกครั้งค่ะ
1. ครีมทาส้นเท้าแตก หรือครีมมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้น โดยให้ใช้ทาถูนวดบริเวณเท้าและส้นเท้าเป็นประจำหลังการขัดเท้าหรือก่อนนอนและสวมถุงเท้าทับหลังทาเสร็จทุกครั้ง ส่วนใหญ่แล้วครีมทาส้นเท้าแตกจะมีส่วนผสมของยูเรียที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกให้ดีขึ้นได้ จากที่ผมเข้าไปดูรีวิวครีมประเภทนี้มาในเว็บพันทิป สมาชิกหลายคนก็ได้แนะนำครีมทาส้นเท้าแตกหลายยี่ห้ออยู่เหมือนกัน ที่เจ้าตัวใช้แล้วบอกว่าเห็นผล เช่น ครีมทาส้นเท้าของศิริราช หรือ ศิริราชซอฟต์แคร์ (ถูกและเห็นผลไว), ครีมทาส้นเท้าแตกยี่ห้อ Du”it, ครีมทาส้นเท้าแตกยี่ห้อ Nash, ครีมทาส้นเท้าแตกเอลจี้พลัส (Ellfy plus), ครีมทาส้นเท้าแตกนิจิดีส์ (nichidi), Scholl foot cream, พอลก้า (Polka) (ยี่ห้อนี้บางคนใช้ได้ผล แต่โดยส่วนตัวผมใช้เองแล้วมันไม่ช่วยอะไรเท่าไรนัก น่าจะเป็นเหมือนครีมบำรุงส้นเท้าเสียมากกว่าจะเป็นครีมแก้ส้นเท้าแตก) ฯลฯ บ้างก็ว่าใช้ครีมกวนอิม 111 ที่ใช้ทาหน้าขาวนี้แหละมาทาส้นเท้าก็เห็นว่าได้ผลเหมือนกัน ยังไงก็ไปลองเลือกซื้อเลือกหากันดูเอาเองนะครับ
2. วาสลีน อีกวิธีที่ช่วยประหยัดงบ โดยการนำวาสลีนมาทาให้ทั่วบริเวณส้นเท้าที่แตกเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้อาการส้นเท้าแตกลดน้อยและจางลงไปได้
3. น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงา ทั้งสองอย่างนี้ก็สามารถใช้รักษาส้นเท้าแตกได้เช่นกันหากทำเป็นประจำ เพียงแค่คุณนำน้ำมันมานวดทาบริเวณส้นเท้าประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องล้างออก
4. หิดขัดเท้า, ที่ขัดส้นเท้า, ที่ขูดส้นเท้า (พร้อมใบมีด), ที่ขัดเท้าไฟฟ้า (ใช้ง่ายและมันดี) เป็นอีกหนึ่งไอเทมจำเป็นที่ควรมีไว้ติดบ้าน เลือกใช้ได้ตามสะดวกตามกำลังทรัพย์ วิธีนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาปลายเหตุได้ดีครับ สำหรับคนเท้าด้านหรือส้นเท้าแตก เพราะถ้าดูแลส้นเท้าไม่ดีมันก็จะกลับมาเป็นอีก เพราะฉะนั้นจึงควรมีไว้ติดบ้านเป็นอุ่นใจครับ 555+
5. แช่เท้าในน้ำอุ่น วิธีนี้ให้คุณแช่เท้าในน้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เมื่อครบเวลาแล้วก็ให้ใช้หินสำหรับขัดเท้า นำมาขัดถูเบาๆ บริเวณรอยแตก ซึ่งการขัดด้วยหินจะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปและทำให้ผิวนุ่มนวลได้ (ห้ามใช้แปรงเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้รอยแตกกว้างมากขึ้นไปอีก) เมื่อเสร็จแล้วก็ให้ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมบำรุง ครีมสำหรับทารักษาส้นเท้าแตก หรือครีมสูตรพิเศษที่เราผสมขึ้นเองมาทาก็ได้ โดยให้ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เมื่อหายดีแล้วก็ให้ลดมาทำสัปดาห์ละครั้งก็ได้
6. แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูและน้ำยาบ้วนปาก โดยให้ใช้น้ำอุ่น น้ำส้มสายชู และน้ำยาบ้วนปากอย่างละเท่ากัน แล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แต่บางคนก็แช่เท้าในน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำยาบ้วนปากอย่างละครึ่งถ้วยก่อนประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยแช่เท้าในน้ำอุ่นทิ้งไว้อีกครึ่งชั่วโมง จากนั้นขัดเท้าด้วยที่ขัดส้นเท้า ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมบำรุงสำหรับทาส้นเท้าแตก (สูตรนี้ผมลองแล้วครับ เวิร์กมากก ขอบอก)
7. แช่เท้าในน้ำสบู่ โดยแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ก็ช่วยทำให้ผิวที่แห้งแตกและหยาบกร้านนิ่มลงได้ จากนั้นให้ใช้วาสลีน 1 ช้อนชาผสมกับน้ำมะนาว 1 ลูก นำมาถูบริเวณส้นเท้าที่แตก หรือจะใช้สูตรอื่นๆ แทนก็ได้ เช่น บดสตรอว์เบอร์รี่ เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือ แล้วนำมานวดบริเวณส้นเท้า หรือใช้ผลส้มนำมาหั่นเป็น 2 แว่นผล แล้วใช้น้ำมันพืช 1 ถ้วย นำมาผสมกับเกลือทะเล 1 ถ้วย จุ่มส้มที่เตรียมได้ลงไป แล้วนำมาขัดบริเวณส้นเท้า เป็นต้น
8. แช่เท้าในน้ำมะนาวผสมกับน้ำสะอาด โดยให้แช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก โดยให้ทำสัปดาห์ละครั้ง แล้วคุณจะสังเกตเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
9. น้ำสมุนไพรขัดส้นเท้า (มีส่วนผสมของมะขามเปียก, ขมิ้นชัน, มะกรูด, แอลกอฮอล์ และอื่นๆ) วิธีนี้ก็ง่ายดีครับ เห็นผลเหมือนกันภายใน 10 นาที เท้าคุณจะเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ในทันที (ก็เวอร์ไป) โดยก่อนนำมาใช้ให้ล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง ทาน้ำสมุนไพรบริเวณส้นเท้าที่แตกโดยใช้แปรงสีฟันเก่าๆ นำมาจุ่มแล้วทาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นให้ใช้ที่ขัดส้นเท้าขัดถูบริเวณส้นเท้าที่แตก แล้วล้างเท้าให้สะอาดเป็นอันเสร็จ โดยให้ทำเพียงอาทิตย์ละครั้ง
10. เปลือกกล้วยหอมช่วยได้ ให้คุณใช้เปลือกกล้วยมาถูตรงบริเวณส้นเท้าที่แตก โดยให้ถูไปมาแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จแล้วก็เช็ดเท้าให้แห้งแล้วตามด้วยครีมบำรุงส้นเท้า วิธีนี้ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือทำทุกวันติดต่อกันประมาณ 4-5 วัน เพราะกรดของผลไม้และสารอาหารในเปลือกกล้วยจะช่วยลอกผิวและสมานส้นเท้าที่แตกของคุณได้ หรือจะบดกล้วยหอมสุกหรือหัวหอมใหญ่ให้ละเอียด แล้วนำมาทาบริเวณส้นเท้าที่แตก จากนั้นใช้ผ้าพันไว้ ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก หรือจะทาด้วยน้ำมะนาวผสมดินสอพอง หรือถูด้วยสารส้มกับน้ำชุบสำลี หรือทายางจากต้นรักก็ได้
11. ยางมะละกอก็ช่วยได้นะ ถ้าบ้านใครปลูกต้นมะละกออยู่ก็ให้หักก้านมะละกอมาสัก 2-3 ก้าน ตรงขั้วที่หักจะมียางมะละกอไหลออกมา ก็ให้เราใช้ยางนี้แหละมาทาบริเวณส้นเท้าที่แตกทุกคืนก่อนนอน รอยแตกบริเวณส้นเท้าก็จะค่อยๆ จางหายไป
12. ต้มนมแล้วเติมน้ำมะนาวกับกลีเซอรีน พอเย็นแล้วให้นำมาใช้ทาส้นเท้าก่อนนอนและสวมถุงเท้าทับ
13. แว็กซ์เท้าด้วยพาราฟิน โดยการนำพาราฟินมาผสมกับน้ำมันเมล็ดมัสตาร์ด แล้วนำมาทาบริเวณส้นเท้าที่มีรอยแตก ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกในตอนเช้า โดยให้ทำต่อเนื่องประมาณ 10-15 วัน แล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
14. ในระหว่างการรักษาส้นเท้าแตก คุณต้องนวดทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอยู่เสมอ รวมถึงการสวมใส่รองเท้าปิดส้นจนกว่าส้นเท้าแตกจะหาย ถ้าอยู่ในบ้านก็ให้สวมใส่รองเท้าสำหรับเดินในบ้าน และเวลานอนก็ให้ใส่ถุงเท้าเพื่อคงความชุ่มชื้น หากทำเป็นประจำจะช่วยทำให้ส้นเท้าของคุณหายจากอาการแตกได้เร็วขึ้น และยังช่วยทำให้ผิวเท้าของคุณเนียนนุ่มมากขึ้นอีกด้วย
15. สำหรับผู้ที่มีอาการหนักมากจนส้นเท้าแตกเป็นรอยเลือดและมีอาการเจ็บแสบ คุณควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาให้ตรงจุดทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง โดยแพทย์อาจให้ยาลดการอักเสบและยาสำหรับทาเท้าทั่วไป
ภาพปกประกอบจาก : pinterest.com,pinterest.com,pinterest.com