ก่อนจะเราจะซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินต่างๆสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกก็คือ เราต้องรู้จักตัวเองก่อน รู้ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงจะทำให้เราเลือกอาหารเสริมที่เหมาะกับตัวเองเพื่อช่วยฟื้นฟูปัญหาสุขภาพผิวได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญต้องปลอดภัย และควรบริโภคตามคำแนะนำต่อวันเท่านั้น มิเช่นนั้นจะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ ในวันนี้ Gang Beauty เลยขอหยิบยกรีวิวที่คนเขียนกระทู้ได้รีวิวอาหารเสริมลดสิวด้วยตนเองทดลองเอง เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางให้กับเพื่อนๆที่กำลังเจอปัญหาเดียวกันและอยากเลือกซื้ออาหารเสริม เราไปดูกันเลยค่า
(รีวิวนี้เขียนโดยคุณ Food fan)
ปกติเจ้าของกระทู้เป็นคนที่สิวขึ้นง่ายมากกก แพ้ทั้งฝุ่นทั้งน้ำ แข็งแรงทุกส่วนสัดของร่างกาย ยกเว้นผิวหน้า เป็นคนมีปัญหาเรื่องหน้ามัน รูขุมขนกว้าง สิวอุดตัน และสิวอักเสบหนักมากบริเวณคาง กรอบหน้า และแนวกราม พยายามทำทุกวิถีทางให้อาการเหล่านั้นมันบรรเทาลง นอกจากสกินแคร์รักษาสิวแล้ว ก็ใช้อาหารเสริมนี่แหละเป็นตัวช่วย
ไม่ต้องกลัวว่าจะเจออาหารเสริมเน็ตไอดอลหรือยาที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง อะไรเทือกนั้นในกระทู้นี้ เราขอคัดมาเฉพาะแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ ผ่านการรับรองความปลอดภัย มี อย. ถูกต้อง และหาซื้อได้ในร้านขายยา ซึ่งในนี้จะมีทั้งยี่ห้อที่เราเคยกินและไม่เคยกิน (แต่คิดว่าน่าลอง) ใครเคยทานตัวไหน ผลเป็นยังไงมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
ปล. กระทู้ไม่ได้เรียงลำดับตามผลลัพธ์นะจ๊ะ
Blackmore Zinc + Vitamin C
ตัวแรกที่เราแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบ คือ “Blackmore Zinc + Vitamin C”
แบรนด์นี้หาซื้อง่ายมากตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป เราเคยทานควบคู่กันทั้ง 2 ตัว จากที่เคยอ่านมา งานวิจัยเค้าบอกว่า ผู้ที่เป็นสิวส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ทั้งหมด) มักมี Zinc ในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ การทาน Zinc ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยปรับสมดุล ทั้งยังช่วยต้านแบคทีเรีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เกิดสิว ลดหน้ามัน ลดสิวอักเสบได้ดี ส่วนวิตามินซีจะช่วยในเรื่องการดูดซึม ให้ร่างกายสามารถนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผิวใสขึ้น (ไม่ช่วยเรื่องขาวนะ)
ทั้ง 2 ตัวนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะเห็นผล ในช่วงแรก บางคนอาจจะมีสิวเพิ่มขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลเพราะมันจะค่อยๆ ลดลงไปเอง และที่สำคัญต้องหยุดทานทุกๆ 2-3 เดือนเพื่อให้ตับและไตได้พักผ่อน สำหรับตัวนี้เราโอเคหมด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาสิวและหน้ามันแบบค่อยเป็นค่อยไป
Nutriva AC
เหมาะสำหรับแก้ปัญหาสิวฮอร์โมน หน้ามัน รูขุมขมกว้าง และสิวผด
เป็นอาหารเสริมสูตรญี่ปุ่น แตกต่างจากตัวอื่นๆตรงส่วนผสมของ SOD ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้ โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน C เป็นพันเท่า และยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากกีวี่เพื่อช่วยลดระดับความมันที่เกิดจากฮอร์โมน และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวด้วย
ตัวนี้เรากินเอง รู้จักเพราะเพื่อนแนะนำ (ปกติชีกินตัว Nutriva กล่องชมพู) รุ่นนี้เห็นมีขายเฉพาะที่ร้าน Watsons ค่อนข้างหาซื้อยากนิดนึง แต่น่าจะสั่งได้ทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เราเพิ่งกินวันละ 1 เม็ดได้ 10 วัน แต่ก็รู้สึกว่าหน้าไม่มันเยิ้มเหมือนปกติ สิวอักเสบและสิวอุดตันลดลง แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางติดทน ช่วงเย็นแค่ซับน้ำมันช่วง T-zone นิดหน่อย และปกติเวลาเหงื่อออกจะมีสิวผดขึ้นแถวไรผม แต่ตอนนี้เบาลงแล้ว รู้สึกได้เลยว่าผิวแข็งแรงขึ้น นอกจากคนเป็นสิวแล้ว ใครแพ้เครื่องสำอางหรือเป็นสิวผดบ่อยๆ ตัวนี้น่าจะโดนใจ
Soniya
เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบและมีหลุมสิว
ตัวนี้เค้ามีสโลแกนว่า “Soniya บอกลา หน้าปลวก” เป็นอีกแบรนด์ที่เห็นโฆษณาผ่านตาอยู่บ่อยๆ มีขายในวัตสันและตาม Kiosk ในห้าง เน้นส่วนประกอบที่นำเข้าจากญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นที่ส่วนประกอบของ Collagen Tripeptide ที่จะช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากมะเขือเทศ โรสฮิป รวมถึง Co-enzyme Q10 ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยให้สิวอักเสบยุบเร็วกว่าปกติ ตัวนี้ทางแบรนด์เค้าเคลมว่า เห็นผลใน 3 วัน อันนี้ก็ต้องแล้วแต่สภาพผิวแต่ละคนด้วยว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหน ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกเค้าแนะนำให้ทานหลังตื่นนอน 2 เม็ด หลังสัปดาห์ที่ 2 ค่อยลดเหลือ 1 เม็ด ใครที่มีปัญหาหนังหน้าไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนผิวดาวอังคาร แต่ยังไม่มีตังค์ไปทำเลเซอร์ แนะนำลองตัวนี้ดู
VISTRA Gotu Kola Extract plus Zinc
เหมาะสำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบและรอยแดง
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่เราทานแล้วค่อยๆเห็นผลดีขึ้น ซึ่งส่วนประกอบหลักของตัวนี้คือ ใบบัวบก ปกติเราจะนึกถึงสรรพคุณของมันในเรื่องการสมานแผล แก้ฟกช้ำ แต่ไม่ค่อยมีใครนึกถึงเป้าหมายด้านความสวยความงามเท่าไร จุดเด่นของมันคือมีฤทธิ์เย็น ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนของสิวอักเสบเม็ดโตและสิวหัวช้าง เมื่อเป็นสิว มันจะช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น ซึ่งลดความเสี่ยงการเกิดแผลเป็นและหลุมสิว แถมยังมีสาร Glycosides ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและสร้างคอลลาเจนให้กับผิวด้วย
เราทานแล้วรู้สึกว่าสิวอักเสบมันหายเร็วขึ้น อาการบวมแดงลดลง แต่สิวอุดตันและรอยดำยังอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น เราว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนที่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่เป็นสิว มีสิวอักเสบและสิวหัวช้าง มากกว่าคนที่มีปัญหาอุดตันและรอยสิว
ยาคุมกำเนิด
เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวฮอร์โมน
สำหรับตัวสุดท้ายนี้ไม่ใช่อาหารเสริม แต่ขอเสนอเป็นทางเลือก หลายคนน่าจะคุ้นเคยชื่อเสียงด้านการรักษาสิวของยาคุมกันมาพอสมควร แต่อาจจะยังมีคำถามว่า ยาคุมช่วยลดสิวได้ยังไง? ขออธิบายง่ายๆว่า สิวฮอร์โมนเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย เนื่องจากมีฮอร์โมนเอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) มากเกินไป ฮอร์โมนดังกล่าวจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ ทำให้เกิดการอุดตันที่ผิวหนัง วิธียับยั้งคือ การกินยาเพื่อลดระดับฮอร์โมนดังกล่าว เพื่อทำให้หน้ามันน้อยลงและสิวก็จะลดลงตามไปด้วย เพื่อความชัวร์ เราแนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อ
และอย่างที่บอก ถ้าสิวไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน ยาคุมก็ช่วยอะไรไม่ได้
เนื่องจากเราไม่ใช่เภสัชที่จะแนะนำหรือให้คำปรึกษาเรื่องยาได้ เลยขอไม่ระบุชื่อยี่ห้อดีกว่าเนาะ การทานยาคุม สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ เวียนหัว หน้าอกขยาย (อันนี้ไม่ถือเป็นข้อเสีย 5555) และอาจมีอาการบวมน้ำสำหรับบางยี่ห้อ ซึ่งพวกเพื่อนๆเราที่ทาน บางคนก็มีอาการ แต่บางคนก็ไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการตอบสนองของแต่ละคนด้วย ที่สำคัญ คนที่อยากลองทานยาคุมเพื่อรักษาสิวต้องรับให้ได้ว่า ยาคุมจะไม่ช่วยให้สิวหายแบบปุบปับทันใจ แต่ต้องทานต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือนจึงจะเห็นผล
สำหรับคำถามที่ว่า “หยุดกินแล้วสิวจะกลับมาไหม?” อ่านปากดิฉันนะคะ “ไม่มีวิตามินหรือครีม หรือยาวิเศษ ตัวไหนบนโลกที่ทำให้อาการใดๆหายขาด 100% ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเองและยังทำพฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการนั้นๆ”
เราเชื่อว่าหลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าพฤติกรรมที่กระตุ้นการเกิดสิวนั้นมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการจับหน้า-ล้างหน้าบ่อย แต่งหน้าแล้วล้างไม่สะอาด พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการกินของทอดๆมันๆ (แต่สำหรับสิวฮอร์โมน คุณไม่ผิดค่ะ ผิดที่ฮอร์โมน) ถ้าคุณยังทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ ยาอะไรบนโลกก็ช่วยไม่ได้เด้อออ