สกินแคร์อย่างครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่สัมผัสโดยตรงกับผิว จึงเป็นสาเหตุของผิวเสียได้หลายกรณี เช่น การเกิดสิว อาการแพ้ หรือริ้วรอยต่างๆ นะคะ โดยเวลาซื้อ หลายคนจะเลือกที่สรรพคุณ และมองข้ามส่วนผสมของสกินแคร์เครื่องสำอางกันได้ วันนี้เราเลยมีส่วนผสมเป็นสารที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการแพ้และผิวพังกันได้ หากมีในจำนวนที่เยอะเกินไป จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันค่า
สารที่ควรหลีกเลี่ยง ในสกินแคร์และเครื่องสำอาง
สารที่ใส่ในสกินแคร์จะมีหลากหลายนะคะ โดยสารบางตัวก็ให้ประโยชน์หากแต่ก็มีการควบคุมปริมาณการใส่ไว้ เพราะหากใส่มากไปก็ทำให้เกิดอาการแพ้หรือสะสมจนเป็นปัญหาผิว หรือกระทั่งมะเร็งผิวหนังกันได้ ดังนั้นตามมาจดสารที่ควรหลีกเลี่ยงกันเลยดีกว่าค่า
Fragrance กับ Perfume แบบสังเคราะห์
Fragrance คือหัวน้ำหอม ส่วน Perfume จะเป็นน้ำหอมที่เจือจางแล้วมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ประมาณ 15-18% ซึ่งหากเป็นน้ำหอมจากธรรมชาติสามารถใช้ได้ แต่ที่ต้องหลีกเลี่ยงจะเป็นน้ำหอมสังเคราะห์ ที่มีส่วนผสมของ Phthalates สารทาเลตจะช่วยให้น้ำหอมติดทนมากขึ้น พบได้ในน้ำหอมที่มีความติดทนหรือในลิปสติก สีทาเล็บ
โดยสารทาเลตสามารถนำไปผลิตพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ และยังอยู่ในน้ำหอมสังเคราะห์จะเลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย จะส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายได้ เป็นปัจจัยที่ให้เด็กหรือคนที่ได้รับสารชนิดนี้มาเป็นเวลานานสามารถมีปัญหาเรื่องของระบบสืบพันธุ์ได้ เวลาซื้อสกินแคร์ต้องดูให้แน่ใจว่าเป็นน้ำหอมแบบเอสเซ้นส์ ออยล์ ไม่ใช่น้ำหอมสังเคราะห์นะคะ
Mineral Oil
สำหรับ Mineral Oil จะรู้จักในชื่อไทยคือ น้ำมันแร่ หรือในชื่อ Petrolatum หรือ Petroleum Jelly และ Mineral Oil, White Oil. Liquid Paraffin ก็คือสารตัวเดียวกัน เป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่ได้จากกระบวนการสกัดจากปิโตรเลียม เป็นน้ำมันใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ใช้ในสกินแคร์บำรุงผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง
แต่ในการทาครีมที่มีส่วนผสมของ Mineral Oil จะเป็นเหมือนฟิล์มที่ทาบนผิวหนัง เมื่อใช้เป็นระยะเวลานานจะทำให้สิ่งสกปรกที่อยู่ใต้ผิวหนังมีการสะสมเป็นสิ่งสกปรกอุดตันและเกิดเป็นสิว และเมื่อใช้ไปนานๆ ร่างกายก็จะลดการสร้างความชุ่มชื้นเอง เมื่อหยุดใช้จะทำให้ผิวแห้ง และสารไฮโดรคาร์บอนก็เป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผื่นแพ้ และเป็นสารก่อมะเร็งได้เมื่อใช้เป็นจำนวนมากเกินไปค่ะ
Parabens
สารตัวต่อมา Parabens หรือ พาราเบน เป็นสารชนิดเดียวกันกับ Methylparaben, Isobutylparaben, Butylparaben และ Propylparaben เป็นสารกันเสียที่ผ่านการสังเคราะห์โดยผ่านกระบวนการทำปฏิกิริยาของแอลกอฮอล์และกรดอินทรีย์ ที่นิยมใส่ในเครื่องสำอาง สกินแคร์ แชมพู จะชวยยืดอายุการใช้งานให้อยู่ได้นานขึ้น
ซึ่งสารพาราเบนส์จะมีลักษณะเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้และส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนของร่างกายได้ ซึ่งหากได้รับมากเกินไปก็จะรบกวนเรื่องของการแบ่งเซลล์ของร่างกาย และเกิดการตกค้างของสารในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย จนเป็นอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้สารพาราเบนส์สามารถใส่ในเครื่องสำอางและสกินแคร์ได้ไม่เกิน 0.25% ค่ะ
DEA, TEA, MEA
DEA ย่อมาจาก Diethanolamine, TEA ย่อมาจาก Triethanolamine, MEA ย่อมาจาก Monoethanolamine ทั้งสามชนิดนี้เป็นสารที่เราพบได้ง่ายทั้งในครีมกันแดด สกินแคร์และเครื่องสำอางอย่าง มาสคาร่า ลิปสติก เป็นสารสังเคราะห์จากแอมโมเนีย ช่วยลดการตึงผิวและในบางครั้งก็ช่วยให้เกิดฟองได้
ซึ่ง DEA, TEA, MEA เป็นสารสังเคราะห์ ที่จะสะสมบนผิวหนังทำให้ผิวแห้งและสภาพผิวโทรมได้ โดยเฉพาะครีมบำรุงอย่างครีมกันแดด โลชั่นทาผิวที่ต้องทาลงสัมผัสกับผิวโดยตรง เมื่อใช้ไปในปริมาณมากก็จะทำให้มีสารตกค้างจากทั้งสามชนิดมากขึ้น ก็จะเป็นการทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วยค่ะ
Hydroquinone
สาร Hydroquinone หรือ ไฮโดรควิโนน เป็นสารเคมีที่นำมาทำเป็นยาทาผิวหนัง โดยจะช่วยยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของสีผิว ที่นิยมนำไปทำเป็นครีมผิวขาวต่างๆ ช่วยลดรอยฝ้ากระและจุดด่างดำได้อย่างรวดเร็ว และสร้างไฮโดรควิโนน ออกฤทธิ์รวดเร็วโดยที่ไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวอย่างเมลานิน จึงทำให้ผิวขาวขึ้นได้ไวขึ้นนั้นเองค่ะ
สารไฮโดรควิโนน ไม่ควรซื้อมาใช้เองเนื่องจากการทำงานที่ยับยั้งการทำงานของเมลานิน จึงส่งผลให้เกิดผิวบาง ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองและผิวแพ้ง่ายได้ นอกจากนี้เมื่อหยุดยากะทันหันจะทำให้ผิวคล้ำได้มากกว่าเดิม เพราะร่างกายสร้างเม็ดสีมาทดแทนไม่ทัน และเมื่อร่างกายปรับตัวให้มีการสร้างเม็ดสีมากขึ้น ก็ทำให้มีโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังมากขึ้นได้อีกด้วย การจะใช้สารไฮโดรควิโนนจึงจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์และต้องไม่ผสมสารไฮโดรควินินมากเกินกว่า 3-5% อีกด้วยค่า
Triclosan
สาร Triclosan หรือไตรโคลซานเป็นสารสังเคราะห์ที่ใช้ยับยั้งแบททีเรียและต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ นิยมผสมที่ความเข้มข้น 0.10-1.00% สำหรับสบู่ฆ่าเชื้อ ที่ระงับกลิ่นตัว น้ำยาบ้วนปากและสกินแคร์ที่ใช้ในการรักษาสิว ทำให้สิวยุบ ในบางแบรนด์ก็นำไปเป็นส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อราได้อีกด้วย
ในหลายผลิตภัณฑ์ก็ใช้ไตรโคลซานเป็นส่วนผสม แต่ต้องระวังว่าปริมาณที่ผสมจะไม่เกินที่กำหนดโดยหากใช้เพื่อทำความสะอาดจะอยู่ที่ 0.10-1.00% หากใช้ในการรักษาสิวอยู่ที่ 0.2-1.0% และถ้าใช้ในเครื่องสำอางต้องไม่เกิน 0.3% เพราะหากใช้เยอะเกินไป สารไตรโคลซานจะสะสมเป็นสาเหตุของการเกิดอาการแพ้ และเกิดเชื้อดื้อยา ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และการรักษาต้องใช้ยาที่แรงขึ้นอีกด้วย ดูก่อนซื้อเพื่อความปลอดภัยนะคะ
Sulfate
สารกลุ่ม Sulfate โดยสารซัลเฟตจะได้มาจากการสกัดน้ำมันปิโตรเลียมหรือน้ำมันมะพร้าวก็ได้ เป็นสารทำความสะอาดที่ก่อให้เกิดฟอง และชำระล้างคราบมันสิ่งสกปรกออกจากผิว แต่มี 2 ชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงคือ Sodium Lauryl Sulfate (SLS) และ Sodium Laureth Sulfate (SLES) ที่แรงเกินไป ทำให้เกิดการระคายเคืองได้แม้จะมีผสมอยู่แค่ 0.3% ก็ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้แล้ว
ซึ่งสารซัลเฟตอาจจะไม่ได้ทำให้ผิวแพ้ง่ายแบบปุ๊บปั๊บ แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวก็จะบางลงทำให้ผิวแห้งและเกิดอาการระคายเคืองผิว ปัญหาผิวก็จะตามมาอย่าง ผิวแพ้ง่าย เห่อคันและสิวต่างๆ ก็ด้วยค่ะ ดังนั้นก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ลองเปิดหาสาร SLS และ SLES เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผิวแพ้ง่ายกันได้ค่ะ
ได้เห็นกันแล้วนะคะว่าสารแต่ละชนิดก่อให้เกิดปัญหาผิวแบบไหนกันบ้าง หลังจากนี้ก่อนจะซื้อเครื่องสำอางและสกินแคร์ก็อย่าลืมพลิกป้ายดูส่วนผสมกันก่อนซื้อด้วยนะคะ ผิวจะได้ไม่ถูกทำร้ายโดยไม่ตั้งใจค่า