เชื่อว่า สาวๆ วัยทำงาน หรือคนที่ทำกิจกรรมระหว่างวันอย่างหนักหน่วงหลายคน อาจกำลังเผชิญปัญหาผิวหน้าแบบยิบย่อย ทั้งระคายเคือง ผิวแห้งกร้าน สิวขึ้นง่าย หน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แถมบางคนยังมีริ้วรอยก่อนวัยอันควรอีก และแม้จะพยายามใช้สกินแคร์ที่ว่าช่วยลดปัญหาผิวเหล่านี้มากขนาดไหน ก็ได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร หากใครที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่า ‘Skin Barrier’ หรือเกราะป้องกันผิวของเรากำลังอ่อนแอและบอบบางจนไม่สามารถป้องกันผิวของเราจากมลภาวะ สิ่งสกปรก รวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ ได้นั่นเอง แล้วหากอยากจะฟื้นฟู Skin Barrier ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ควรทำอย่างไรดี ถึงจะช่วยลดโอการการเกิดปัญหาผิวแบบตรงจุด? ในบทความนี้เราเลยขอชวนสาวๆ วัยทำงาน หรือคนที่มีผิวอ่อนแอ แพ้ง่ายลองมาทำ 5 รูทีนที่ช่วยเสริมสร้าง Skin Barrier ให้แข็งแรงกัน!
1) ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
หลายคนคุ้นชินกับการดื่มน้ำแค่ตอนหลังรับประทานอาหาร หรือตอนที่รู้สึกกระหายมากๆ เท่านั้น ซึ่งปริมาณที่ดื่มน้ำเพียงเท่านี้นั้นอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Skin Barrier อ่อนแอลง โดยผิวที่ขาดน้ำมักจะทำให้ผิวผลิตคอลลาเจนได้น้อย ทำให้ผิวแห้งกร้าน สูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และสิวขึ้นขึ้นได้ง่ายมากกว่าปกติ ดังนั้นรูทีนแรกที่ขอชวนสาววัยทำงาน หรือคนที่มีปัญหาผิวอยู่ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดู ก็คือ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น วันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2.5 ลิตรขึ้นไป เพื่อให้เซลล์ผิวให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น ลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวต่างๆ นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้อวัยวะและระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นด้วยนะ!
2) ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกรูทีนที่ช่วยเสริม Skin Barrier หรือเกราะป้องกันผิวของเราให้แข็งแรงมากขึ้นได้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่าเมื่อออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว มักจะทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ดูสดใส ซึ่งขอบอกเลยว่าเป็นความจริง เพราะการออกกำลังกายที่เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายเรียกเหงื่อนั้นจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายจากภายใน มีส่วนช่วยในการปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวให้ทำงานได้ดีมากขึ้น ช่วยขับถ่ายสารพิษและของเสียออกจากผิวได้ ที่สำคัญหากออกกำลังกายอย่างสม่ำเมอยังมีส่วนช่วยลดความเครียด หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ และเกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมานั่นเอง
3) ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม
ในแต่ละวัน เราต้องเจอทั้งฝุ่น ทั้งควัน และมลภาวะที่ล่องลอยอยู่ตามอากาศ และเกาะติดอยู่กับวัตถุต่างๆ ไหนจะเมกอัปที่ประโคมลงบนผิวแบบจัดเต็มก่อนออกไปทำงาน ไปแฮงก์เอาต์อีก ดังนั้นสาวๆ อย่าได้มองข้ามการทำความสะอาดผิวไปโดยเด็ดขาด ทันทีที่กลับถึงห้อง สิ่งแรกที่ให้ทำโดยด่วน คือ การทำความสะอาดผิวหน้า ผ่านการใช้ทั้งคลีนซิ่งและคลีนเซอร์ เพื่อให้ชัวร์ว่าสามารขจัดสิ่งสกปรก และคราบเมกอัปได้แบบหมดจด ไม่สะสมบนผิวหน้าจนไปทำให้ Skin Barrier อ่อนแอลง และใครที่กำลังมีปัญหาผิวอยู่ ก่อนเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ควรพิจารณาคุณสมบัติ สารสกัด หลีกเลี่ยงสารที่ไวต่อผิว ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย อย่างแอลกอฮอล์ หรือน้ำหอมด้วย
ไม่หมดเพียงแค่นั้น แม้ว่าเราจะบอกว่าการทำความสะอาดผิวให้สะอาดมีส่วนช่วยทำให้ Skin Barrier แข็งแรงมากขึ้น แต่สาวๆ ก็ไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้ไขมันที่เคลือบเกราะป้องกันผิวหลุดออกไปได้ รวมถึงไม่ควรใช้ AHA ผลัดเซลล์ผิวบ่อยๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเซลล์ผิว จนสิ่งสกปรกเข้าไปในชั้นผิวได้ง่ายมากกว่าเดิม
4) ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
แม้จะออกไปข้างนอก หรือไม่ได้ออกไปไหนก็ตาม สาวๆ โปรดอย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพราะไม่ว่าจะอยู่ในร่มหรือกลางแจ้งก็ต้องเจอกับอันตรายจากแสงที่เป็นบ่อนทำลาย Skin Barrier ทำให้ผิวของเราอ่อนแอ แห้งกร้าน และเกิดปัญหาผิวได้ง่ายอยู่ดี ทั้งจากแสงแดด และจากแสงนีออนจากจอที่มีรังสียูวีเอ ยูวีบี รังสีอินฟราเรด และแสงสีฟ้าหรือ HEV ที่เป็นอันตรายต่อชั้นผิว โดยการทาครีมกันแดดนั้น ไม่ได้เน้นเพียงแค่ปริมาณทาให้ทั่วถึงทั้งผิวเท่านั้น แต่ต้องเช็กสารสกัดและคุณสมบัติให้ชัวร์ว่าป้องกันรังสียูวีให้ครบ ทั้งค่า SPF ค่า PA+ เนื้อครีมกันแดดกันน้ำ กันเหงื่อได้ดี และเมื่อหมดวันแล้ว อย่าลืมที่จะใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวด้วยนะ
5) เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับผิว
นอกจากจะเสริมชั้นผิวให้แข็งแรงจากภายในผ่านการออกกำลังกาย การดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือเน้นที่การทำความสะอาดผิวให้ไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ในผิวของเราแล้ว การเลือกใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น ที่ขาดไปไม่ได้ หากอยากจะเสริมความแข็งแรงให้ Skin Barrier ของเรา ไม่ว่าจะเป็นครีม โลชั่น โทนเนอร์เซรั่ม หรือเซรั่ม ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น โดยควรเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และมีสารสกัดสำคัญที่ช่วยลดปัญหาผิว เสริมให้ผิวแข็งแรง เช่น
- เซราไมด์ (Ceramide) สารนี้ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของ Skin Barrier โดยทำหน้าที่เป็นที่ยึดเซลล์ผิวให้เรียงตัวกันอย่างแน่นหนา ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำและรักษาความชุ่มชื้นในผิว
- กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่มีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย
- สารสกัดจากธรรมชาติ: เช่น Centella Asiatica (ใบบัวบก) Aloe vera (แอโลวีรา) ที่มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลม ฟื้นฟูผิว กักเก็บน้ำในชั้นผิว ลดอาการอักเสบและช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม สารสกัดบางชนิดอาจมีฤทธิ์ที่เสี่ยงต่อการแพ้ ดังนั้นสาวๆ ควรสำรวจลักษณะผิวของตัวเองก่อนเลือกใช้สารสกัดแต่ละชนิด เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้และปัญหาผิวอื่นๆ ตามมานั่นเอง
การมี Skin Barrier ที่แข็งแรงไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันปัญหาผิว แต่ยังทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดียิ่งขึ้น หากอยากมีผิวที่แข็งแรง ไร้ปัญหาผิวกวนใจ จึงแนะนำให้สาวๆ วัยทำงาน หรือคนที่อยากฟื้นฟูผิวให้สุขภาพดี นำ 5 รูทีนส่วนหนึ่งที่เรามากฝากนี้ไปปรับใช้ในทุกๆ วันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเหมาะสม การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน รวมถึงการเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับผิวด้วย ซึ่งล้วนแต่เป็นรูทีนง่ายๆ เพียงแค่เน้นความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ใครที่ทำได้ครบ ทำได้ทุกวัน รับรองได้เลยว่า Skin Barrirer แข็งแรงมากขึ้น ลดโอกาสการเกิดสิว และริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน