การมีกรามใหญ่ใบหน้าเหลี่ยมจะไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลใจอีกต่อไปเพราะการฉีดโบท็อกลดกรามจะช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กขึ้นได้อย่างเห็นผล ยิ่งคนที่มีลักษณะกล้ามเนื้อกรามหนา ยิ่งเห็นผลได้ชัดเจน แต่การฉีดโบท็อกลดกราม ก็มีข้อควรระวัง และการเตรียมตัวที่ควรทราบ เพื่อความสวยอย่างปลอดภัยไม่ควรพลาด

หัวข้อ

โบท็อกกราม ช่วยให้หน้าเรียวจริงมั้ย

การฉีดโบท็อกลดกราม คือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) ซึ่งสกัดมาจากแบคทีเรียชื่อแคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว โดยในวงการเสริมความงามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนิยมนำมาฉีดเพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ความหนานูนของกล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามลดลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับแสดงสีหน้าบ่อยๆ นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท็อกด้วยเทคนิคลิฟติ้งช่วยกระชับผิวได้อีกด้วย

ประโยชน์ของการฉีดโบท็อกกรามมีอะไรบ้าง?

  1. ช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณกราม
  2. ช่วยปรับลิฟกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
  3. ช่วยทำให้ใบหน้าของคุณดูสวย มีมิติมากยิ่งขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
  4. สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วภายใน 7-14 วัน
  5. ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
  6. ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
  7. ช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวหน้าดูเรียบเนียนมากขึ้น

โบท็อกลดกราม เหมาะกับคนที่มีใบหน้าแบบไหน

การฉีดโบท็อกกรามที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดีกับคนที่มีลักษณะดังนี้

  1. เหมาะกับคนที่มีลักษณะใบหน้าใหญ่ กรามชัด กล้ามเนื้อกรามใหญ่
  2. เหมาะกับคนที่มีลักษณะใบหน้าที่มีความหย่อนคล้อยมีริ้วรอย
  3. เหมาะกับคนที่มีลักษณะแก้มห้อยที่ไม่ได้เกิดจากไขมัน

โบท็อกกราม VS เมโสแฟต ต่างกันอย่างไร?

การฉีดโบท็อกกราม เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามหดตัวชั่วคราว ช่วยให้บริเวณกรามที่มีการหัตถการ ดูเรียวขึ้นได้ ส่วน การฉีดเมโสแฟต เป็นการฉีดเพื่อสลายไขมันบริเวณที่มีการสะสมไขมันส่วนเกินเล็กๆน้อยๆ บริเวณกราม ช่วยลดเหนียงและทำให้หน้าดูเรียวขึ้นได้ ทั้งสองหัตถการสามารถทำร่วมกันได้หากคนไข้มีปัญหาทั้งกล้ามเนื้อเยอะและไขมันสะสมส่วนเกิน

ถ้างบจำกัด เลือกฉีดโบท็อกกราม หรือ เมโสแฟตดี?

ต้องดูปัญหาก่อนว่าปัญหาใบหน้าที่ไม่เรียวของเราเกิดจากกล้ามเนื้อหรือไขมันสะสมมากกว่ากัน หากเกิดจากกล้ามเนื้อสามารถเช็คด้วยตัวเองจากการกัดฟันแล้วหากมีกล้ามปูดออกมาบริเวณกราม สามารถฉีดโบท็อกได้เลย แต่ถ้ามีไขมันสะสมบนใบหน้าเยอะสามารถฉีดลดแฟตดูผลลัพธ์ก่อนได้ สำหรับการฉีดแฟตไขมันจะลดไปเพียง 10-15% ไม่เหมาะกับคนที่ไขมันส่วนเกินเยอะ เป็นการฉีดเพื่อเก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วิธีทำให้หน้าเรียวโดยไม่ผ่าตัดมีหลายวิธี สามารถปรึกษาแพทย์ประกอบการตัดสินใจได้

ทำไมฉีดโบท็อกกรามแล้วแก้มตอบ?

การฉีดโบท็อกกราม ถ้าฉีดโบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมกับสัดส่วนของใบหน้าจะไม่ทำให้ใบหน้าบริเวณแก้วดูตอบได้ แต่ถ้าหากแพทย์ไม่ระวังหรือมีความชำนาญไม่มากพอ แล้วใช้ปริมาณโบท็อก มากเกินไป หรือฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้กล้ามเนื้อด้านบนยุบจนเห็นแก้มตอบและทำให้กระดูกโหนกแก้มดูนูนเด่นขึ้นมาได้

วิธีทำให้หน้าเรียวมีอะไรบ้าง? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

1. การฉีดโบท็อก

การฉีดโบท็อก จะช่วยยกกระชับกรอบหน้า และช่วยทำให้ใบหน้ากลับมาตึงกระชับ หรือถ้าฉีดบริเวณกรามก็จะทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง ทำให้รูปหน้าดูเรียวขึ้นอีกด้วย ผลลัพธ์อยู่ได้ราวๆ 4-6 เดือน ราคาการฉีดต่อครั้งราวๆ5-6 พันบาทขึ้นกับจำนวนยูนิตที่ใช้และยี่ห้อที่ใช้ ต้องเติมทุกๆ 4-5 เดือนเพื่อคงสภาพผลลัพธ์

2. การฉีดเมโสแฟต

การฉีดเมโสแฟต ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน หน้าเรียวขึ้น ดูสมส่วน เห็นผลไว เป็นตัวช่วยในการลดไขมันเฉพาะจุด และ ช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ลดเซลลูไลท์ได้ ผลลัพธ์อยู่ได้ราวๆ 2-3 เดือน แนะนำคุมอาหาร ออกกำลังกายร่วมด้วยจะเห็นผลลัพธ์อยู่นานขึ้น ราคาการฉีดหลักพันบาทขึ้นกับจำนวนเข็มที่ฉีด ต้องฉีดบ่อยทุกๆ 3 เดือน

3. ผ่าตัดกระดูกกราม

การผ่าตัดกระดูกราม เป็นวิธีการผ่าตัดแต่งกระดูกมุมกราม แต่ต้องผ่าตัดด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องหลีกเลี่ยงเส้นประสาท ดังนั้นจึงต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์สูง เหมาะกับคนที่มีกระดูกกรามหนาเห็นโครงหน้าชัดจากกระดูก เป็นวิธีการผ่าตัดกระดูกกรามและตัดกล้ามเนื้อบางส่วนออกไปผลลัพธ์ ผลลัพธ์ใบหน้าจะเข้าที่หลังผ่าตัดผ่านไปราวๆ 2-3 เดือน หลังผ่าตัดกรามอาจมีปัญหาผิวคล้อยสามารถโบท็อกลิฟติ้ง ฉีดแฟตสลายไขมันหรือเลเซอร์ยกกระชับได้ในภายหลัง ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดกรามหลัก 2-3 แสนบาทต้องดมยาสลบ

4. ดูดไขมันหน้า

การดูดไขมันหน้า เป็นวิธีการกรีดแผลเล็กๆแล้วดูดไขมันออกมา ต้องผ่าตัดและดูแลโดยศัลยแพทย์ สามารถเอาไขมันออกมาได้เยอะกว่าการฉีดเมโสแฟต คนไข้จะรู้สึกเลยว่าหน้าเรียวลงหลังทำ และจะมีช่วงบวมหลังการผ่าตัดโดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังผ่าตัดผ่านไปแล้ว 2-3 เดือน เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเยอะและมีเวลาพักฟื้นหลังการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดดูดไขมันมีตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน ทำครั้งเดียวผลลัพธ์ถาวรแต่ไขมันจะกลับมาได้อีกหากน้ำหนักเพิ่มขึ้น

ทำไมฉีดโบท็อกกรามแล้วไม่เห็นผล?

การฉีดโบท็อกกรามแล้วไม่ได้ผลเกิดจากหลายสาเหตุดังนี้

  1. แพทย์ขาดความชำนาญ หรือการฉีดผิดตำแหน่งของกล้ามเนื้อ จึงทำให้การฉีดโบท็อกกรามไม่ได้ผล
  2. โบท็อกที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ผ่านการรับรองจากอ.ย.หรืออาจเกิดจากการผสมน้ำเกลือมากเกินไป ทำให้ตัวยาถูกเจือจางลง
  3. คนไข้อยู่ในสภาวะดื้อโบท็อก

อาการของภาวะดื้อโบท็อกมีอะไรบ้าง?

  1. ภาวะดื้อโบท็อก เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเราฉีด Botox เข้าไปแล้วไม่เห็นผล
  2. ต้องใช้ปริมาณ Botox ที่มากขึ้นกว่าเดิมจึงจะเห็นผล
  3. หลังฉีดโบท็อกแล้วระยะเวลาของผลลัพธ์สั้นลง เช่น จาก 6 เดือน เหลือ 3 เดือนเป็นต้น

ฉีดโบท็อกกับหมอหรือพยาบาลตามที่พักอันตรายหรือไม่?

ปกติแล้วการฉีดโบท็อกจำเป็นจะต้องทำที่คลินิคที่ได้มาตรฐาน สถานที่ปลอดเชื้อและมีการเก็บรักษาโบท็อกในห้องเย็นเพื่อรักษาคุณภาพตัวยา โดยแพทย์ที่มีจรรยาบรรณจะไม่รับฉีดโบท็อกนอกสถานที่และพยาบาลจะไม่สามารถฉีดโบท็อกได้เนื่องจากการฉีดโบท็อกจำเป็นจะต้องมีความรู้ตำแหน่งของกายวิภาคเส้นประสาทบนใบหน้า

สาเหตุของหน้าตึงแข็ง ยิ้มไม่เป็นธรรมชาติหลังฉีดโบท็อก

สาเหตุของอาการหน้าตึงแข็ง หลังฉีดโบท็อก มีดังนี้

  1. มีการอัดโบท็อกที่มีปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลให้หน้าตึง ยิ้มเกร็งๆ หรือไม่สามารถยิ้มได้
  2. มีการฉีดผิดตำแหน่งของกล้ามเนื้อ หากมีอาการหน้าตึงแข็งมากเกินไป แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณที่มีการหดตัว เพื่อช่วยให้ยา คลายตัว จะสามารถลดอาการเกร็งต่างๆลงได้อย่างพอใจ

โบท็อกอเมริกา VS โบท็อกเกาหลีต่างกันอย่างไร?

  • โบท็อกอเมริกา ตัวยาจะกระจายได้แคบกว่า ทำให้สามารถประเมินการกระจายยาได้ง่าย แนะนำคือ ยี่ห้อ Allergan ของอเมริกา
  • โบท็อกเกาหลีมีการกระจายตัวยากว้าง กระจายตัวยาได้ดี ออกฤทธิ์เห็นผลชัดเจน ออกฤทธิ์เร็วแต่สลายเร็วตัวยา แนะนำยี่ห้อ hugel ของเกาหลี

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทำให้ราคาของโบท็อกอเมริกาสูงกว่าของเกาหลีถึงเท่าตัวแต่ถ้าพูดถึงคุณภาพแล้วโบท็อกของอเมริกาและเกาหลีถือเป็นโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์สูงอยู่ที่ 99.5% เหมือนกัน

ฉีดโบท็อกกรามกี่วันเห็นผล?

การฉีดโบท็อกกราม เพื่อลดกล้ามเนื้อกรามจะเห็นตั้งแต่ 7-14 วัน และ เห็นผลเต็มที่ประมาณ 4 สัปดาห์ขึ้นไป

ประสิทธิภาพของโบท็อกอยู่ได้กี่เดือน? และต้องฉีดซ้ำทุกๆกี่เดือน?

การฉีดโบท็อกกราม โดยทั่วไปแล้วโบท็อกกรามจะออกฤทธิ์ได้นานถึง 6-8 ดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ) ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกกรามนั้นไม่ได้อยู่ถาวร แต่สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ ควรเว้นระยะห่างการฉีดโบท็อกลดกรามแต่ละครั้งอย่างน้อย 4 เดือน และไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อกลับสู่สภาพเดิม

ฉีดโบท็อกกรามเจ็บมั้ย

การฉีดโบท็อกกรามแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กที่สุดและแพทย์จะฉีดตามบริเวณกล้ามเนื้อ และมีการประคบเย็นเพื่อบล็อกตัวยาให้อยู่เฉพาะในบริเวณที่ต้องการทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะฉีด หากกังวลเนื่องจากไม่เคยฉีดโบท็อกมาก่อนสามารถขอแปะยาชาก่อนได้ ส่วนมากคนไข้ไม่แปะยาชา

โบท็อกกรามที่ไหนดี?

ควรเลือกฉีดโบท็อกกับคลินิกที่โชว์แพทย์ประจำคลินิกชัดเจน ทั้งรูปและเลขใบอนุญาตสามารถเช็คได้จากเว็บไซต์แพทย์สภา มีแพทย์ประจำคลินิกเพื่อให้คำปรึกษาก่อนการตัดสินใจ

  • ใช้ตัวยาโบท็อกของแท้มาตรฐานและเปิดโบท็อกขวดใหม่ผสมยาต่อหน้าคนไข้ทุกครั้งก่อนฉีด
  • เลือกคลินิกมาตรฐาน มีหลายสาขา มีที่ตั้งชัดเจน รวมถึงมีช่องทางติดต่อหลายช่องทางสามารถติดต่อได้ง่าย เพื่อให้สะดวกในการเข้ารับบริการ
  • คลินิกมีข้อมูลรีวิวก่อนและหลังทำในเว็บไซต์ของคลินิก และในเว็บไซต์เป็นกลางที่เชื่อถือได้
  • คลินิกมีการรับประกันผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อก

รีวิวโบท็อกกราม

สรุปโบท็อกอันตรายมั้ย?

การฉีดโบท็อกถือเป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่มีอันตรายหรือผลเสียต่อร่ายการ ช่วยให้รูปหน้าเรียวขึ้น มีความสมดุลขึ้น เป็นการเพิ่มมิติให้กับใบหน้า ผิวกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้การฉีดโบท็อก อาจมีข้อระวังคือต้องเลือกฉีดโบท็อกแท้โดยแพทย์ต้องเชี่ยวชาญในการหัตถการและมีการรับประกันการเห็นผลด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.gangnamconsult.com/jaw-botox/