การ “ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ” เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตา ร่องลึกใต้ตา ให้กลับมาสดใส บอกลาใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้า ไม่สดใสได้อย่างตรงจุด
ใครที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล มีร่องใต้ตา บทความนี้จะพาไปรู้จักกับทางออกของปัญหานี้ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าดีอย่างไร ? ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ? รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด และเลือกแนวทางเลือกคลินิกที่เหมาะสม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic acid หรือ HA) เข้าไปบริเวณใต้ตาในจุดที่มีปัญหา
ด้วยคุณสมบัติของ HA ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความอุ้มน้ำ จึงสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ สามารถเติมเต็มร่องลึก และทดแทนชั้นกระดูกที่ยุบตัว ทำให้ร่องใต้ตาที่ลึก ดูตื้นขึ้น ช่วยลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาลงได้ และยังช่วยให้ผิวใต้ตาดูสดใส เต่งตึง และอ่อนเยาว์ขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ปัญหาตาลึกโหล ร่องน้ำตา ร่องใต้ตาลึก ได้อย่างเห็นผล และยังเป็นวิธีการแก้ปัญหาบริเวณรอบดวงตาได้อย่างตรงจุด
⦁ ช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ ที่ทำให้หน้าดูโทรม และเหนื่อยล้า ให้กลับมาดูสดใส
⦁ ช่วยแก้ปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหล ร่องใต้ตาที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา
⦁ ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยให้ดูกระชับมากยิ่งขึ้น
⦁ ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยหางตา รอยย่นบริเวณรอบดวงตา
รู้หรือไม่ว่า : เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น 25 ปีขึ้นไป กระดูกใต้ตาของเราจะเริ่มยุบลง ทำให้เกิดริ้วรอย เห็นเป็นร่องใต้ตา และปัญหาต่าง ๆ รอบดวงตาตามมา เช่น ถุงใต้ตา เบ้าตาลึก และร่องน้ำตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด จึงเป็นหัตถการที่แพทย์แนะนำ
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ?
⦁ ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาจากลักษณะทางพันธุกรรม
⦁ ผู้ที่มีปัญหาใต้ตา เช่น ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา มีร่องลึกใต้ตา ทำให้ดูตาโหล หน้าโทรม
⦁ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทันที และสามารถใช้หน้าต่อได้เลย
⦁ ผู้ที่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากมีรอยแผลเป็น ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น
⦁ ผู้ที่ต้องการให้ผิวใต้ตาสว่างขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส หน้าเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
⦁ ผู้ที่ต้องการปรับบริเวณใต้ตาให้ดูเต็มอิ่ม เรียบเนียน ตรงตามลักษณะโหงวเฮ้งที่ดีมีความสุขสบาย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่อันตราย หากฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์แท้ (สามารถสลายได้หมด 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย)และทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจเป็นอันตรายได้ หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือหมอกระเป๋าไม่รู้วิธีการฉีดที่ถูกต้อง อาจพลาดฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในเส้นเลือด เกิดการอุดตัน ทำให้เนื้อตาย และเสี่ยงทำให้ตาบอดได้ รวมไปถึงการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ที่ไม่สามารถสลายได้ ใช้ฟิลเลอร์หิ้วที่ไม่ได้มาตรฐาน หลังฉีดอาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ หรือฉีดไปแล้วทำให้ฟิลเลอร์ไหลย้อยเป็นก้อน หากปล่อยไว้นานเสี่ยงฟิลเลอร์เน่า เกิดเนื้อตายได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัวอย่างถูกต้องก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้
⦁ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างละเอียด เช่น ช่วยเรื่องอะไรบ้าง อยู่ได้นานแค่ไหน อันตรายไหม วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
⦁ แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือการใช้ยาในปัจจุบันให้แพทย์ทราบ
⦁ งดยาหรืออาหารเสริมบางชนิดก่อนการฉีด เช่น NSAIDs, แอสไพริน หรือวิตามินอี เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
⦁ งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เช่น การออกกำลังกายหนัก, อบไอน้ำ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
⦁ พักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนฉีด เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมอย่างเต็มที่
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
⦁ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพปัญหาใต้ตา แจ้งความต้องการและข้อกังวลของคุณ จากนั้นแพทย์จะให้คำแนะนำแนวทางแก้ไข และฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
⦁ ก่อนฉีดจะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ
⦁ แพทย์ทำการแปะยาชา และรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยลดความเจ็บในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
⦁ แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่บริเวณใต้ตา ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยการฉีดจะอยู่ในท่านั่งหรือนอนเอียงให้หัวอยู่สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออกมากขึ้น
⦁ หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วแพทย์จะนวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อให้ฟิลเลอร์สม่ำเสมอ เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้าที่เร็วขึ้น และยังช่วยลดอาการบวมช้ำ รวมถึงช่วยยืดอายุการคงอยู่ของฟิลเลอร์ได้นานขึ้น
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีดังนี้
⦁ หลีกเลี่ยงการสัมผัส กดทับ นวดหรือถูบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ เปลี่ยนทรง
⦁ หากมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ให้ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นระยะ ๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
⦁ งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันการสลายตัวของฟิลเลอร์ได้
⦁ งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระแทกจนอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
⦁ พยายามอยู่ในที่อากาศเย็นและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด การอาบน้ำร้อน หรืออบไอน้ำ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เนื่องจากความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้น
⦁ งดอาหารแสลง ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อป้องกันการอักเสบ ยุบบวมได้ช้า และทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์อยู่ได้สั้นลง
⦁ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ให้ฟูสวย และอยู่ได้นานขึ้น
แชร์ทริคการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เพื่อให้มั่นใจว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะได้ผลลัพธ์ออกมาดี มีความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลของแต่ละคลินิกอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่สถานที่แต่ต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ โดยรวมด้วย ซึ่งทริคการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ดี มีดังนี้
☑ ตรวจสอบว่าคลินิกได้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย.
☑ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบ FullTime ประจำคลินิก และมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ สามารถตรวจสอบชื่อ-นามสกุล และเลขว.ได้ทางเว็บไซต์ของแพทยสภา
☑ มีรีวิว และคำแนะนำจากผู้ที่เคยใช้บริการคลินิกนั้น ๆ รีวิวจากผู้ใช้จริงจะช่วยให้เห็นภาพรวมของคุณภาพการบริการ และผลลัพธ์ที่ได้
☑ มีการให้คำปรึกษา ประเมินสภาพผิว และปัญหาบริเวณรอบดวงตาอย่างละเอียดก่อนการฉีด แนะนำยี่ห้อ/รุ่นฟิลเลอร์ใต้ตาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ
☑ คลินิกมีบรรยากาศปลอดโปร่ง ไม่อึดอัด และอุปกรณ์ที่ใช้มีความสะอาด ถูกหลักอนามัย โดยมีมาตรการควบคุมความสะอาด และการฆ่าเชื้อที่เข้มงวด
☑ ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) สามารถตรวจสอบได้
☑ มีการติดตามผลหลังการฉีด และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม
☑ มีราคาที่สมเหตุสมผล ควรเปรียบเทียบราคา และบริการที่ได้รับจากหลาย ๆ คลินิก เพื่อให้ได้บริการที่คุ้มค่า อย่าเลือกคลินิกใดเพียงเพราะราคาถูก ควรคำนึงถึงคุณภาพ และความปลอดภัยเป็นหลัก
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้รู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยหรืออาจไม่เจ็บเลยในบางราย เพราะบางคลินิกแพทย์จะทำการแปะยาชาให้ก่อนฉีดหรือฟิลเลอร์บางรุ่นที่ใช้มียาชาผสมอยู่ ทำให้ช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบวมกี่วัน ?
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเรื่องปกติ โดยจะบวมมากที่สุดในช่วง 2-3 วันแรกหลังฉีด ซึ่งอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อยบริเวณใต้ตามาจากการบวมเข็ม และบวมเนื้อฟิลเลอร์ อาการบวมนี้จะค่อย ๆ หายไปได้เองภายใน 7-14 วันหลังจากฟิลเลอร์มีการเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ผิวบริเวณใต้ตาจะดูเรียบเนียนมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ แต่อาจมีอาการบวมแดงจากรอยเข็มบ้างเล็กน้อย โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากฟิลเลอร์เข้าที่เรียบร้อยแล้ว
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6 ถึง 24 เดือน โดยระยะเวลาแตกต่างไปตามแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ แพทย์ใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ถูกต้อง รวมถึงการดูแลตัวเองหลังการฉีด การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว เช่น การสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีด, การตากแดดจัด จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้อยู่นานขึ้นได้
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการช่วยการแก้ปัญหาใต้ตาต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ ตาโหล ตาลึก มีร่องใต้ตา ช่วยให้ดวงตาดูสดใสใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีหลังการฉีด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และมีความปลอดภัยสูง
ผู้ที่สนใจก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหน ควรศึกษาข้อมูลก่อนทำอย่างละเอียด เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้ เท่านั้น